[Review] iPhone 5S และ iPhone 5C by TrueMove H

iPhone 5S และ iPhone 5C มีวางจำหน่ายในไทยเป็นที่เรียบร้อย ส่วนราคาของแต่รุ่นสามารถเข้าดูได้ที่บทความเกา ซึ่งผมเคยรวมราคาของเครื่องศูนย์ Truemove H, AIS, dtac ไม่แตกต่างกันมาก ส่วนราคาเครื่องเปล่าจะแพงกว่าเครื่องพร้อมแพกเกจราวๆ 1,000 บาท



iPhone 5S จะเริ่มต้นที่ราคา 23,900 บาท เท่ากันทั้ง AIS, TrueMove H ส่วน dtac เริ่มต้นที่ 23,650 บาท ในรุ่นความจุเดียวกัน ราคาจะเท่ากันทุกสี สีที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คงหนีไม่พ้น สีทอง ส่วน iPhone 5C ราคาเริ่มต้นที่ 19,900 บาท เท่ากันทั้ง 3 ค่าย และทุกสีในความจุเดียวกันราคาเท่ากัน

เชื่อว่าหลายๆ ท่านมี iPhone 5S และ iPhone 5C อยู่ในมือแล้ว บางท่านซื้อตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย บางท่านพึ่งซ์้อมาได้ไม่กี่วัน แต่สำหรับท่านไหนที่กำลังลังเลว่าจะซื้อ 5S และ 5Cดีไหม ในบทความนี้ผมจะรีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C ให้ชมกัน คิดว่าหลังจากที่ท่านได้อ่านบทความนี้ ท่านน่าจะตัดสินใจได้ว่าจะซื้อ 5S และ 5C ดีไหม และจะซื้อเครื่องศูนย์ไหนดี

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

5S และ 5C ยังคงมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.0 นิ้ว ซึ่งจริงๆ แล้วสเปกของหน้าจอเท่ากับ iPhone 5 ทุกประการ ทั้งขนาดหน้าจอที่ 4 นิ้วเท่ากัน เท่ากับว่าตอนนี้สมาร์ทโฟนของแอปเปิลที่ขายอยู่จะมีหน้าจออยู่ 2 ขนาดด้วยกันคือ 3.5 นิ้วบน iPhone 4S และ 4.0 นิ้วบน iPhone 5S และ iPhone 5C (ตอนนี้ iPhone 5 ไม่มีจำหน่ายแล้ว ถ้ามีมือถือขายออยู่ก็น่าจะเป็นเครื่องที่ค้างสต๊อก)

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

5S และ 5C ความละเอียดต่อพิกเซลยังคงเท่ากับ iPhone 5 คือ 326 ppi และใช้หน้าจอแสดงผลแบบ Ratina Display หรือ LED-backlit IPS LCD ความละเอียดอยู่ที่ 640×1136 พิกเซล เท่ากันทั้ง 5S/5C ใช้กระจก Gorilla Glass

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

อย่างที่ทราบกัน iPhone 5S ทำด้วยวัสดุที่เป็นอะลูมิเนียม ส่วน iPhone 5C ทำจากวัสดุที่เป็นพลาสติก ในเรื่องความแข็งแรงคงสู้ 5S ไม่ได้ ส่วนตัวก็ชอบ 5S มากกว่า 5C เพราะให้ความรู้สึกที่พรีเมี่ยมกว่า 5C มาก แต่ผมก็รู้สึกชอบ 5C สีฟ้านะ (ส่วนตัวชอบสีฟ้าอยู่แล้ว)

iPhone 5S ยังมาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint) ซึ่งแอปเปิลเรียกฟีเจอร์นี้ว่า Touch ID เป็นฟีเจอร์สำหรับระบุตัวตนเพื่อเข้าใช้งานในกรณีที่ตั้งรหัสผ่าน ก่อนจะมีฟีเจอร์ Touch ID เราเคยนับกันไหมว่าในหนึ่งวัน เราต้องหยิบ iPhone ขึ้นมาใช้งานกี่ครั้ง แน่นอนว่าหลายสิบครั้ง หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ หลายคนตั้งรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้งานเพื่อความปลอดภัย และแน่นอนว่าการใส่รหัสผ่านทุกครั้ง ย่อมทำให้เราอะไรได้ช้าลง เพราะต้องปลดล็อคทุกครั้งก่อนเข้าใช้งาน แต่นั้นก็เป็นทางเดียวที่ทำให้เราสามารถป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าถึง iPhone ของคุณได้

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

แต่เมื่อมี Touch ID การระบุตัวตนเครื่องเพื่อเข้าใช้งานก็กลายเป็นเรื่องง่ายทันที ซึ่งจริงๆ แล้ว Touch ID เป็นเหมือนเซ็นเซอร์ที่ใช้สำหรับยืนยันตัวบุคคลด้วยลายนิ้วมือแบบใหม่ จากที่ลองใช้งานพบว่าทำงานเร็วมาก หลายๆท่านน่าจะเคยสแกนลายนิ้วมือก่อนเข้าห้อง หรือสำนักงานต่างๆ ที่บริษัทในไทยนิยม มักเจอปัญหาสแกนติดบ้าง ไม่ติดบ้าง แต่ปัญหานี้ไม่เจอใน iPhone 5S เลยแม้แต่น้อย ยอมรับว่าแอปเปิลทำมาดีจริงๆ สแกนเจอเร็วมาก เพียงวางนิ้วลงบนปุ่มโฮมประมาณ 1-2 วินาทีก็สามารถปลดล็อค iPhone ได้แล้ว



นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ลายนิ้วมือยืนยันการซื้อใน iTunes Store, App Store หรือ iBook Store ได้อีกด้วย ที่สำคัญ Touch ID ยังสามารถอ่านลายนิ้วมือได้ถึง 360 องศา ไม่ว่าจะหมุนเครื่องในแนวตั้ง แนวนอน หรือเอียงๆ iPhone ก็ยังสามารถอ่านลายนิ้วมือของเราได้ Touch ID ยังเปิดให้ลงทะเบียนลายนิ้วมือได้มากกว่าหนึ่งคน

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

สำหรับ iPhone 5S มีความหนาอยู่ที่ 7.6 มม. หนักแค่ 122 กรัม ส่วน iPhone 5C หนา 9 มม. หนัก 132 กรัม จากการสิ่งที่ทำให้ iPhone 5S น่าใช้กว่า iPhone 5C หรือเรื่องวัสดุที่ดูพรีเมี่ยม ให้ความรู้สึกหรูเวลาสัมผัส ตัวเครื่องที่บางกว่า และน้ำหนักที่เบากว่าจนรู้สึกได้

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

การจัดวางองค์ประกอบของตัวเครื่อง ทั้ง 5S/5C เหมือนกันทุกประการ ทั้งซ้าย ขวา บนล่างของตัวเครื่อง นอกจากเรื่องวัสดุที่กล่าวมา ทุกอย่างก็ไม่แตกต่างกัน (แต่สเปกภายในแตกต่างกัน) โดย 5S จะใช้อะลูมเนียมผิวด้านแบบเดียวกับที่เคยใช้ใน iPhone 5 ส่วน iPhone 5C จะใช้พลาสติกผิวมันวาว ถ้าดูแค่ภายนอกจุดเด่นของ 5C คือเรื่องสันสี ที่มีให้เลือกหลากหลายสี และมีสีที่ไม่ค่อยมีสมาร์ทโนแบรนด์ไหนทำอย่างสีฟ้า และสีชมพู

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

จากสัมผัสแรกที่รู้สึกชอบ iPhone 5S มากกว่า 5C พอสมควร ไม่ใช่เพราะ 5C เป็นพลาสติก แต่เพราะความบางและน้ำหนักที่เบากว่าของ 5S เลยทำให้ผมรู้สึกชอบ5S มากกว่านั่นเอง

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

iPhone 5S มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ด้วยพิกเซลขนาด 1.5µ รูรับแสงขนาด ƒ/2.2 ชุดเลนส์ทั้งหมด 5 ชิ้น ตัวกล้องเป็นแซฟไฟร์ช่วยป้องกันหน้าเลนส์ ที่สำคัญมาพร้อมกับแฟลช True Tone ฟิลเตอร์ Hybrid IR มีโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง มีระบบออโต้โฟกัส

iPhone 5S สามารถบันทึกวิดีโอที่ความละเอียด Full HD 1080p 30 fps มีระบบ OIS ช่วยป้องกันภาพสั่นไหวเมื่อถ่ายสำหรับวิดีโอ และยังสามารถถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นได้ด้วย

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

ส่วน iPhone 5C สเปกกล้องจะเท่ากับ iPhone 5 คือกล้อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด ƒ/2.4 ชุดเลนส์ทั้งหมด 5 ชิ้น  หน้าเลนส์เป็นวัสดุแซฟไฟร์ มีแฟลช LED ฟิลเตอร์ Hybrid IR มีระบบออโต้โฟกัส และไม่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้เหมือน iPhone 5S

iPhone 5C เองก็สามารถบันทึกวิดีโอที่ความละเอียด Full HD 1080p 30 fps มีระบบ OIS ช่วยป้องกันภาพสั่นไหวเมื่อถ่ายสำหรับวิดีโอ แต่ไม่สามารถถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นได้

เรื่องความเร็วในการถ่ายภาย iPhone 5S สามารภถ่ายได้เร็วกว่า ซัตเตอร์เร็วกว่านิดหน่อย โฟกัสเร็วๆใกล้เคียงกัน แยกไม่ออกว่าตัวไหนเร็วกว่า

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

iPhone 5S สามารถถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่น ที่ 120fps แต่ iPhone 5C จะไม่มีฟีเจอร์นี้ (ดูตัวอย่างวีดีโอแบบสโลว์โมชั่นได้ที่ท้ายบทความ)

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

ลองเทียบกับ iPad mini ให้ดูซะหน่อย

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

ขอพูดถึงสเปกของทั้งสองรุ่นนี้กันหน่อยดีกว่า เชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้อยู่แล้วแหละว่า iPhone 5S สเปกจะแรงกว่า 5C พอสมควร ส่วน 5C นั้นเป็นการยกเครื่องของ iPhone 5 มาใส่ แล้วเปลี่ยนดีไซน์ แน่นอนว่าถ้าใช้ iPhone 5 อยู่แล้ว ไม่แนะนำให้ซื้อ iPhone 5C เว้นแต่ว่าคุณจะชอบดีไซน์ของ 5C จริงๆ

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

iPhone 5S มาพร้อมกับชิปตัวใหม่ล่าสุดของแอปเปิลนั้นคือ Apple A7 ซึ่งเป็น Dual-core 1.3 GHz พร้อมด้วยสถาปัตยกรรม 64 บิต พร้อมแรม 1GB ชิปกราฟฟิก PowerVR G6430

ส่วน iPhone 5C มาพร้อมกับชิป Apple A6 เป็น Dual-core 1.3 GHz ชิปกราฟฟิก PowerVR SGX 543MP3 และแรม 1GB

ทุกคู่มาพร้อมกับ iOS 7 ตั้งแต่โรงงาน ในแง่ความเร็ว iPhone 5S ทำงานได้ลื่นกว่า 5C อยู่มาก ด้วยสเปกที่แรงกว่า จึงไม่แปลกที่ 5S จะลื่นกว่า ยิ่งเมื่อใช้งานเทียบกันจึงเห็นอาการหน่วงของ 5C ชัดเจนขึ้น ทั้งคู่ยังเจออาการแอพเด้งอยู่ เจอปล่อยๆ ก็เป็น  Facebook, Instagram, Facebook Page manager ส่วนแอพอื่นๆ ยังไม่เจออาการเด้ง โดยรวมทำงานได้ครับ ไม่หน่วงจนหน้าเกลียด และแอพไม่เด้งปล่อยจนน่าอารมณ์เสีย

ตารางเปรียบเทียบสเปก iPhone 5S vs iPhone 5C


รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

แน่นอนว่าปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้การใช้งาน iPhone 5S และ iPhone 5C ของเรามีประสิทธิภาพขึ้น ใช้งานได้หลากหลายขึ้น ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น คงหนีไม่พ้นเรื่อง Network ด้วยความโชคดีที่ทาง Truemove H ให้ยืมเครื่องมารีวิว ก็เลยโอกาสได้ลองใช้ Network ครบครันทั้ง 3G, 4G และ Truemove H Wi-Fi ที่ปล่อยให้ใช้ตามห้างทั่วไป เวลาเดินเข้าห้าง เมื่อ iPhone 5S และ iPhone 5C เจอสัญญาณก็จะต่อเองโดยอัตโนมัติ เป็นอะไรที่ฟินนะครับ สะดวกสบายได้อีก

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

สิ่งที่ประทับใจไม่ใช่เรื่องความเร็ว 3G แน่นอน แต่เป็นเรื่อง 4G ครับ ต้องบอกอย่างนี้ครับ ผมเองพึ่งเคยใช้ 4G ของ Truemove H อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาก็มีได้เข้าร่วมทดสอบบ้างนิดหน่อย แต่ไม่ได้ใช้งานจริงจังในสถานที่จริงที่เราใช้ชีวิตกันทุกๆ วันแบบนี้ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกชอบมาก เวลาอัพโหลดอะไรมันก็ทำได้เร็วมาก ตอนใช้ 3G ก็ว่าเร็วแล้วนะ แต่บน 4G LTE มันเร็วยิ่งกว่าครับ ถ้าใครชอบถ่ายรูปขึ้น Facebook หลายๆ รูปพร้อมกัน (อัพทีเป็นอัลบั้ม) หรือชอบอัพคลิปวีดีโอลง Instagram ยิ่งจะฟิน เพราะมันทำได้เร็วมากๆ

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

แม้ในบางจุดจะทดสอบความเร็วแล้วผลจะออกมาไม่ต่างจากความเร็วของ 3G แต่จากการใช้งานจริงพบว่า ความเร็วที่ได้จากการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการเข้าเว็บ โหลดแอพ (เดี๋ยวนี้ 3G/4G ให้ความเร็วมากพอที่จะดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมาติดตั้งได้แล้ว แน่นอนว่าเปลืองดาต้า) ดูคลิปผ่าน Youtube ก็ทำได้ไม่แพ้เวลาต่อ Wi-Fi เผลอๆ บางช่วงโหลดได้เร็วกว่าด้วยซ้ำ

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

บางท่านสงสัยมันเร็วพอที่จะใช้ 3G/4G ดูทีวีหรือรายการต่างๆ ที่เป็น streaming ไหวไหม แน่นอว่าไหมแน่นอนครับ ผมได้ทดสอบดูรายการทีวีผ่านแอพพลิเคชั่น TrueVisions Anywhere ซึ่งเป็นการ streaming มาแสดงผล โดยที่รายการนั้นกำลังเล่นอยู่ในช่องของ True Visions ด้วยเช่นกัน

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปพักที่ฟาร์มโชคชัย เมืองโคราช ก็พกเอา iPhone 5S และ iPhone 5C ไปด้วย (ถ่ายรูปบริเวณที่พักมาเพียบ ถ้ามีโอกาสคงได้เขียนรีวิวให้ชมครับ) แน่นอนว่าที่นั้นสัญญาณ 3G ของ Truemove H ไปถึง ทั้งบริเวณที่พัก และส่วนต่างๆ ของบริเวณฟาร์มขึ้น 3G ตลอด ไม่มี EDGE ขึ้นให้เห็นเลย 3G พี่แกครอบคลุมสมคำล่ำลือจริงๆ

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

ผมได้ทดสอบอัพรูปที่ถ่ายจาก iPhone 5S ขึ้นเก็บใน Dropbox ผ่าน 4G เร็วแบบตลึง ซึ่งปกติผมจะไม่อัพรูปขึ้น Dropbox ด้วย 3G ประเด็นแรกคือเรื่องความเร็ว ประเด็นที่สองคือเรื่องดาต้า แต่ในกรณีนี้เขาให้ยืมมาใช้ ก็เลยกล้าลองเพราะไม่ใช่เน็ตตัวเอง ฮ่าๆ

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

ผล Speed Test ของ iPhone 5S และ iPhone 5C ที่ผมได้ลองใช้งานและทำการทดสอบตามสถานที่ต่างๆ ที่ผมเดินทางไป ทั้งบนรถไฟฟ้า, อาคารสูง, บริษัทต่างๆ ที่ผมไปประชุม รวมไปถึงห้างต่างๆ มีทั้ง 3G, 4G และ Truemove H Wi-Fi ซึ่งผมลัพธ์ก็เป็นดังนี้ (คลิกที่รูปเพื่อดูภาพใหญ่นะครับ)

รีวิว iPhone 5S และ iPhone 5C

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก iPhone 5S


Image-6 Image-7

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก iPhone 5C


Image-2 Image-61

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีเช็คยอดคงเหลือซิม My by CAT

เมื่อมีเงินโอนเข้ามาในบัญชี.... ว่าแต่ใครโอนมา ?

วิธีเช็คเบอร์โทรซิม My by cat

GET เผยกลยุทธ์ธุรกิจปี 2563 เน้นการเติบโตแบบยั่งยืน เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น

รีวิว Sony LED 3D Internet TV 46 นิ้ว - รุ่น KDL-46W904A (รองรับระบบ DigitalTV DVB-T2)

DIY แท่นวางมือถือ/แท็บเล็ต งบประมาณ 60 บาท ใครๆ ก็ทำได้ (1 นาทีใช้งานได้ทันที)

เนื้อคู่ The Final Answer ดูออนไลน์สดๆ ผ่าน YouTube Live ได้แล้วนะ

แนะนำ WeCard by TrueMoney บัตร MasterCard แบบเติมเงิน ซื้อได้ทั้งออนไลน์และร้านค้าทั่วไป

[Review] มอนิเตอร์ BenQ EW2440L มาพร้อม เทคโนโลยีถนอมสายตา Low Blue Light

ลือ !! Nokia Lumia 630 จะวางขายในไทยราคา 5,190 บาท