DIY แท่นวางมือถือ/แท็บเล็ต งบประมาณ 60 บาท ใครๆ ก็ทำได้ (1 นาทีใช้งานได้ทันที)

ใครกำลังมองหาแท่นวางมือถือ/แท็บเล็ตมาใช้งานอยู่ ผมมีวิธี DIY แท่นวางมือถือง่ายๆ มาแนะนำครับ เป็นวิธีที่ผมเจอโดยบังเอิญ และใช้มาสักพักแล้ว จะเขียนวิธีทำลงบล็อกหลายทีละ ติดตรงขี้เกียจ เลยไม่ได้เขียนซะที

แท่นวางมือถือที่ผมจะ DIY ให้ดูเป็นแบบง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้ ใช้เวลาประกอบไม่ถึง 1 นาที ไม่ต้องยุ่งยากหรือเสี่ยงโดนมีดบาด ที่สำคัญสามารถนำไปใช้กับมือถือและแท็บเล็ตได้ทุกรุ่น ทุกขนาดหน้าจอ ตั้งแต่มือถือที่หน้าจอ 2.8 นิ้ว จนถึงแท็บเล็ต 10.1 นิ้ว

สำหรับอุปกรณ์นะครับ ไม่มีเลย เพราะไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ต้องใช้คือ แท่นเสียบป้ายชื่อ แบบหน้าเดียว จำนวน 2 อัน แบบในภาพด้านล่าง สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องใช้สำนักงานทั่วไป (ถ้ามีของที่เหลือใช้จะดีมาก) ราคาที่ผมซื้อมาราวๆ 30 บาทต่ออันครับ

holder_IMG_6273-3

จากนั้นนำแท่นเสียบป้ายชื่อ ทั้ง 2 อันมาวาง อันแรกให้เอาด้านที่สอดกระดาษวางลงพื้น อันที่สองให้เอาด้านที่สอดกระดาษวางตั้งขึ้น (อันที่สองวางเหมือนแทนป้ายชื่อปกติ)
และเอาอันที่สองสอดเข้าไปในช่องใส่กระดาษของอันแรก และเลื่อนเข้าไปให้สุด

page1

เห็นไหมครับง่ายมากๆ เพียงเท่านี้ก็ได้แท่นวางมือถือมาใช้งานแล้ว สามารถวางได้ทั้งแนวนอน และแนวตั้ง

page2

ภาพด้านบนจะเป็นแท่นวางมือถือเพียวๆ ถ้าอยากได้แท่นวางมือถือที่สามารถกดเล่นได้ด้วย เช่น เอาไว้เล่นเกม หรือดูหนัง ต้องเพิ่มความสูงครับ เพราะว่าตัวแท่นวางจะมีพลาสติกที่ปิดในส่วนของหน้าจอมือถือไว้อยู่ เราแค่หาอะไรสักอย่างมารองให้มันสูงขึ้น (ในภาพด้านล่างผมใช้ฟองน้ำ)

page3

ยังไม่หมดครับ แท่นวางมือถือตัวนี้ยังสามารถปรับความเอียงของหน้าจอได้ด้วย เพียงแค่เลื่อนแท่นเข้า-ออกก็สามารถปรับระดับความเอียงได้แล้ว

page4

เป็นไงบ้างครับ DIY ทำแท่นวางมือถือ น่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ลองทำกันดูได้ครับ ทำเก็บไว้ที่ออฟฟิสหนึ่งอัน ที่บ้านหนึ่งอัน ไม่ต้องพกไปพกมา

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

9 ข้อคิดจากหนังสือ แล้วสักวันเมล็ดพันธุ์อย่างฉันจะงดงาม | เปลี่ยนชีวิตด้วยมุมมองง่าย ๆ

ชีวิตไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์ในทันที เพียงแค่เราค่อยๆ เติมเต็มชิ้นส่วนเล็กๆ ทุกวัน ในที่สุดภาพใหญ่ก็จะงดงามเอง 🌈🧩 หนังสือ #ขอบคุณทุกๆสิ่งที่ประกอบเป็นตัวเรา

ข้อคิดดีๆ จากหนังสือ #โค้ชแมวสอนไว้ทำอย่างไรให้เป็นนายของเงิน #รีวิวหนังสือ #แนะนำหนังสือ

วิธีเช็คยอดคงเหลือซิม My by CAT

“การนอกใจเป็นเจตนา ไม่ใช่อุบัติเหตุ” คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคนเราถึงนอกใจกัน? หรือทำไมบางคนถึงเลือกที่จะทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่เจ็บปวด? จากหนังสือเล่มนี้มีข้อคิดดีๆ ที่น่าสนใจมาฝากครับ 💔 ทำไมถึงยังทน? หลายครั้งที่คนเราไม่ยอมเดินออกมา ไม่ใช่ไม่รักตัวเอง แต่เป็นเพราะความกลัว, ความผูกพัน, ภาระทางการเงิน, ลูก หรืออาจจะกำลังหลอกตัวเองว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ปัญหาเหล่านี้ซับซ้อนและต้องใช้ความเข้มแข็งอย่างมากในการตัดสินใจ 🧠 เบื้องหลังพฤติกรรมนอกใจ ในบางกรณี การนอกใจอาจเป็นผลมาจากสภาวะทางจิตใจ เช่น โรคหลงตัวเอง (Narcissistic Personality Disorder - NPD) ที่ทำให้คนคนนั้นขาดความเห็นอกเห็นใจ ต้องการการยอมรับ และเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น ✨ คุณค่าของคุณไม่ได้ลดลงเพราะการกระทำของเขา สิ่งสำคัญที่สุดที่หนังสือเน้นย้ำคือ การนอกใจเป็นการตัดสินใจของอีกฝ่าย ไม่ได้แปลว่าคุณค่าในตัวคุณลดน้อยลง การที่เขาเลือกคนอื่น ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ดีพอ แต่สะท้อนถึงปัญหาในตัวของเขาเอง 🚶‍♀️ ทางออกที่ดีที่สุด คือการเดินออกมาเพื่อรักตัวเอง สำหรับคน “ที่เติบโตมาอย่างดีและตระหนักรู้ว่าตนเองมีค่ามีศักดิ์ศรี จะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายจิตใจ” การเดินออกจากความสัมพันธ์ที่ทำร้ายเรา ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการเลือกที่จะให้เกียรติและเคารพคุณค่าของตัวเอง การจบความสัมพันธ์ที่เจ็บปวด คือการเปิดประตูสู่ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าและมีความสุขกว่าเดิมครับ จากหนังสือ | ใครรู้ทัน คนนั้นรอด #ข้อคิดความรัก #จิตวิทยาความสัมพันธ์ #นอกใจ #รักตัวเอง #ความสัมพันธ์ #ให้กำลังใจ

📖 9 ข้อคิด จากหนังสือ | คลินิกหิ่งห้อย พร้อมให้คำปรึกษาทุกปัญหาชีวิต 1. ความหิวที่แท้จริง อาจไม่ใช่ความหิวของกระเพาะ แต่เป็นความหิวของหัวใจ - หลายครั้งเรากินเพื่อปลอบประโลมความรู้สึกว่างเปล่า ความเหงา หรือความเครียด 2. ความเหนื่อยล้าที่ไม่หายไป คือสัญญาณเตือนจากร่างกาย - เพราะมันคือเสียงกระซิบเตือนว่าเรากำลังใช้พลังงานชีวิตเกินขีดจำกัด ไม่ว่าจะจากการทำงานหนัก ความเครียด หรือไลฟ์สไตล์ที่ไม่สมดุล 3. ยิ่งพยายามจะหลับ สมองก็จะยิ่งตื่นตัว - เพราะการนอนหลับที่ดีเกิดจากการ ”ผ่อนคลาย“ ไม่ใช่การ ”บังคับ“ การปล่อยวางความกังวลว่าจะต้องหลับให้ได้ คือก้าวแรกของการนอนหลับฝันดี 4. ท้องไส้ที่ปั่นป่วน คือภาพสะท้อนของจิตใจที่วุ่นวาย - เพราะร่างกายและจิตใจเชื่อมโยงกันโดยตรง ความเครียดที่เราแบกรับไว้มักแสดงอาการออกมาผ่านระบบย่อยอาหารเป็นอันดับแรกๆ 5. ผลตรวจ ”ปกติ“ ไม่ได้แปลว่าความทุกข์ทรมานของเรา ”ไม่จริง“ - เพราะหลายความเจ็บป่วย เช่น ลำไส้แปรปรวน หรือความอ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยเครื่องมือ แต่ความทุกข์นั้นเกิดขึ้นจริงกับผู้ป่วย 6. ”แรงงานทางอารมณ์“ คือต้นทุนสุขภาพที่มองไม่เห็น แต่ร่างกายต้องจ่ายจริง - การต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงและแสดงออกแต่รอยยิ้มเพื่อการทำงาน คือความเครียดสะสมที่บั่นทอนสุขภาพร่างกายอย่างช้าๆ 7. ระวัง ”วงจรอุบาทว์ของการสั่งยา“ - คือสถานการณ์ที่ผลข้างเคียงของยาตัวที่หนึ่ง ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคใหม่ จนแพทย์สั่งยาตัวที่สองมารักษา กลายเป็นวงจรการใช้ยาที่ไม่จำเป็นและอันตราย 8. นอนน้อยแล้ว ”ง่วง“ คือพักผ่อนไม่พอ, นอนน้อยแล้ว ”ไม่ง่วง“ คือสัญญาณของโรคนอนไม่หลับ - คนที่พักผ่อนไม่พอจะโหยหาการนอนในตอนกลางวัน แต่ผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับมักจะตื่นตัวแม้จะนอนน้อย ซึ่งเป็นปัญหาที่ซับซ้อนกว่า 9. การไดเอทที่หักโหม คือสงครามกับร่างกายที่ไม่มีวันชนะ - ร่างกายจะต่อต้านการอดอาหารสุดขีดเสมอ และสุดท้ายน้ำหนักก็จะดีดกลับมามากกว่าเดิม ผู้เขียน : โอซึงว็อน ผู้แปล : นภัสสร วิรัชศิลป์ สำนักพิมพ์ : nami