GET เผยกลยุทธ์ธุรกิจปี 2563 เน้นการเติบโตแบบยั่งยืน เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น

GET (เก็ท) แอพพลิเคชั่นไลฟสไตล์ออนดีมานด์ ที่ให้บริการเรียกมอเตอร์ไซค์วิน สั่งอาหาร ส่งของ และอีวอลเลต จัดงานขอบคุณสื่อมวลชน พร้อมเผยกลยุทธ์ธุรกิจในปี 2563 ที่จะมาถึง

GET เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และมียอดการสั่งซื้อครบ 10 ล้านทริป ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดย GET ตั้งเป้าว่าในปี 2563 จะสามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการในกรุงเทพฯ เพิ่มอีกราว 1 ล้านคน ในครึ่งปีแรกของ 2563 ด้วยกลยุทธ์การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการพัฒนาบริการให้กับทั้งคนขับ ร้านอาหาร และผู้ใช้บริการ

โดยในช่วงสิ้นปี มีแคมเปญ GET's GIFTING ที่ตั้งใจจัดขึ้นเพื่อแจกจ่ายความสุข เท่า ทั้งมอบส่วนลดอาหารปาร์ตี้เซ็ตสูงสุดถึง 50% คูปองส่วนลดทั้งค่าอาหารและค่าส่ง รวมทั้งให้ลูกค้าลุ้นรับรางวัลมากมายกว่า 100 รางวัล ตั้งแต่ ธันวาคม 2562 – 12 มกราคม 2563 ไม่อยากพลาดแคมเปญดีๆ ดาวน์โหลด GET เลย ได้ทั้งทาง App Store และ Play Store ได้แล้ววันนี้

นายภิญญา นิตยาเกษรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GET กล่าวว่า "GET ถือเป็นแอพที่เติบโตเร็วที่สุด เราก้าวขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดได้ในระยะเวลาไม่ถึงปี จำนวนแอพดาวน์โหลดของเรามียอดเกินกว่า 2 ล้านครั้ง ซึ่งถือว่าเกินกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ว่าเราต้องการจะเข้าถึงคนกรุงเทพฯ กว่า 1 ล้านคนในปีแรก



 

"GET เน้นการเติบโตแบบยั่งยืน (Sustainable Growth) มาโดยตลอด และนี่จะยังคงเป็นเป้าหมายหลักต่อไปของเราในปีหน้า และเรามั่นใจว่านี่จะเป็นเทรนด์ของทุกองค์กรในปีหน้าด้วยเช่นกัน เพราะเราเชื่อว่าการเติบโตของธุรกิจต้องควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นคนขับ ร้านค้า และผู้ใช้บริการ ในปีหน้าเราจึงจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีและคุณภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับการสเกลอัพของธุรกิจต่อไปในอนาคต

 

"โดยที่ผ่านมาในปีนี้ เราได้รับคะแนนความพึงพอใจของผู้ใช้บริการอยู่ที่ 97% แต่เรายังมองว่ายังมีโอกาสในการพัฒนาอีกหลายด้าน จำนวนคนขับปัจจุบันเพิ่มขึ้นจาก 10,000 คนเมื่อตอนเราเริ่มเปิดตัว เป็นเกือบ 40,000 คนในปลายปี ด้านร้านอาหารบนแพลตฟอร์ม เราจะเน้นการช่วยส่งเสริมให้ร้านค้าแต่ละร้านสามารถมีรายได้มากขึ้น ซึ่งในปีหน้า เราจะเปิดตัวแอพใหม่ของคนขับ แอพสำหรับร้านค้า และบริการ GET PAY อย่างเต็มรูปแบบแน่นอน"

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

9 ข้อคิดจากหนังสือ แล้วสักวันเมล็ดพันธุ์อย่างฉันจะงดงาม | เปลี่ยนชีวิตด้วยมุมมองง่าย ๆ

ชีวิตไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์ในทันที เพียงแค่เราค่อยๆ เติมเต็มชิ้นส่วนเล็กๆ ทุกวัน ในที่สุดภาพใหญ่ก็จะงดงามเอง 🌈🧩 หนังสือ #ขอบคุณทุกๆสิ่งที่ประกอบเป็นตัวเรา

ข้อคิดดีๆ จากหนังสือ | พลิกโชคชะตา ด้วยวิธีคิดแบบเถ้าแก่จีนยุคใหม่

📖 9 ข้อคิด จากหนังสือ | คลินิกหิ่งห้อย พร้อมให้คำปรึกษาทุกปัญหาชีวิต 1. ความหิวที่แท้จริง อาจไม่ใช่ความหิวของกระเพาะ แต่เป็นความหิวของหัวใจ - หลายครั้งเรากินเพื่อปลอบประโลมความรู้สึกว่างเปล่า ความเหงา หรือความเครียด 2. ความเหนื่อยล้าที่ไม่หายไป คือสัญญาณเตือนจากร่างกาย - เพราะมันคือเสียงกระซิบเตือนว่าเรากำลังใช้พลังงานชีวิตเกินขีดจำกัด ไม่ว่าจะจากการทำงานหนัก ความเครียด หรือไลฟ์สไตล์ที่ไม่สมดุล 3. ยิ่งพยายามจะหลับ สมองก็จะยิ่งตื่นตัว - เพราะการนอนหลับที่ดีเกิดจากการ ”ผ่อนคลาย“ ไม่ใช่การ ”บังคับ“ การปล่อยวางความกังวลว่าจะต้องหลับให้ได้ คือก้าวแรกของการนอนหลับฝันดี 4. ท้องไส้ที่ปั่นป่วน คือภาพสะท้อนของจิตใจที่วุ่นวาย - เพราะร่างกายและจิตใจเชื่อมโยงกันโดยตรง ความเครียดที่เราแบกรับไว้มักแสดงอาการออกมาผ่านระบบย่อยอาหารเป็นอันดับแรกๆ 5. ผลตรวจ ”ปกติ“ ไม่ได้แปลว่าความทุกข์ทรมานของเรา ”ไม่จริง“ - เพราะหลายความเจ็บป่วย เช่น ลำไส้แปรปรวน หรือความอ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยเครื่องมือ แต่ความทุกข์นั้นเกิดขึ้นจริงกับผู้ป่วย 6. ”แรงงานทางอารมณ์“ คือต้นทุนสุขภาพที่มองไม่เห็น แต่ร่างกายต้องจ่ายจริง - การต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงและแสดงออกแต่รอยยิ้มเพื่อการทำงาน คือความเครียดสะสมที่บั่นทอนสุขภาพร่างกายอย่างช้าๆ 7. ระวัง ”วงจรอุบาทว์ของการสั่งยา“ - คือสถานการณ์ที่ผลข้างเคียงของยาตัวที่หนึ่ง ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคใหม่ จนแพทย์สั่งยาตัวที่สองมารักษา กลายเป็นวงจรการใช้ยาที่ไม่จำเป็นและอันตราย 8. นอนน้อยแล้ว ”ง่วง“ คือพักผ่อนไม่พอ, นอนน้อยแล้ว ”ไม่ง่วง“ คือสัญญาณของโรคนอนไม่หลับ - คนที่พักผ่อนไม่พอจะโหยหาการนอนในตอนกลางวัน แต่ผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับมักจะตื่นตัวแม้จะนอนน้อย ซึ่งเป็นปัญหาที่ซับซ้อนกว่า 9. การไดเอทที่หักโหม คือสงครามกับร่างกายที่ไม่มีวันชนะ - ร่างกายจะต่อต้านการอดอาหารสุดขีดเสมอ และสุดท้ายน้ำหนักก็จะดีดกลับมามากกว่าเดิม ผู้เขียน : โอซึงว็อน ผู้แปล : นภัสสร วิรัชศิลป์ สำนักพิมพ์ : nami

วิธีเช็คยอดคงเหลือซิม My by CAT

“การนอกใจเป็นเจตนา ไม่ใช่อุบัติเหตุ” คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคนเราถึงนอกใจกัน? หรือทำไมบางคนถึงเลือกที่จะทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่เจ็บปวด? จากหนังสือเล่มนี้มีข้อคิดดีๆ ที่น่าสนใจมาฝากครับ 💔 ทำไมถึงยังทน? หลายครั้งที่คนเราไม่ยอมเดินออกมา ไม่ใช่ไม่รักตัวเอง แต่เป็นเพราะความกลัว, ความผูกพัน, ภาระทางการเงิน, ลูก หรืออาจจะกำลังหลอกตัวเองว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ปัญหาเหล่านี้ซับซ้อนและต้องใช้ความเข้มแข็งอย่างมากในการตัดสินใจ 🧠 เบื้องหลังพฤติกรรมนอกใจ ในบางกรณี การนอกใจอาจเป็นผลมาจากสภาวะทางจิตใจ เช่น โรคหลงตัวเอง (Narcissistic Personality Disorder - NPD) ที่ทำให้คนคนนั้นขาดความเห็นอกเห็นใจ ต้องการการยอมรับ และเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น ✨ คุณค่าของคุณไม่ได้ลดลงเพราะการกระทำของเขา สิ่งสำคัญที่สุดที่หนังสือเน้นย้ำคือ การนอกใจเป็นการตัดสินใจของอีกฝ่าย ไม่ได้แปลว่าคุณค่าในตัวคุณลดน้อยลง การที่เขาเลือกคนอื่น ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ดีพอ แต่สะท้อนถึงปัญหาในตัวของเขาเอง 🚶‍♀️ ทางออกที่ดีที่สุด คือการเดินออกมาเพื่อรักตัวเอง สำหรับคน “ที่เติบโตมาอย่างดีและตระหนักรู้ว่าตนเองมีค่ามีศักดิ์ศรี จะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายจิตใจ” การเดินออกจากความสัมพันธ์ที่ทำร้ายเรา ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการเลือกที่จะให้เกียรติและเคารพคุณค่าของตัวเอง การจบความสัมพันธ์ที่เจ็บปวด คือการเปิดประตูสู่ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าและมีความสุขกว่าเดิมครับ จากหนังสือ | ใครรู้ทัน คนนั้นรอด #ข้อคิดความรัก #จิตวิทยาความสัมพันธ์ #นอกใจ #รักตัวเอง #ความสัมพันธ์ #ให้กำลังใจ