Hisense เปิดตัว Self-Rising Screen Laser TV ทีวีม้วนเก็บได้ ที่งาน CES 2020

กลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่ไฮเซ่นส์ (Hisense) จะต้องนำเลเซอร์ทีวี "ปฏิวัติวงการ" รุ่นใหม่มาอวดโฉมที่งาน CES เป็นประจำทุกปี โดยเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ไฮเซ่นส์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เลเซอร์ทีวี 3 รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ ได้แก่ Trichrome Laser TV ขนาด 75 นิ้ว Sonic Screen Laser TV และ Self-Rising Screen Laser TV ซึ่งในโอกาสนี้ Dr. Lin Lan รองประธานบริษัทไฮเซ่นส์ กรุ๊ป ยังได้ประกาศเป้าหมายที่ท้าทายในการทำยอดขายทีวี 40 ล้านเครื่องต่อปี พร้อมขึ้นแท่นอันดับสองของโลก


Dr. Liu Xianrong หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของไฮเซ่นส์ เลเซอร์ ดิสเพลย์ เปิดเผยเกี่ยวกับเทคโนโลยีเลเซอร์ทีวีล่าสุดของไฮเซ่นส์ในสามหัวข้อ ได้แก่ สี เสียง และรูปทรง ไฮเซ่นส์เชื่อว่า นวัตกรรมเหล่านี้จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น และจะยังคงเป็นผู้นำการพัฒนาทีวีต่อไปในอนาคต

จากการเปิดเผยของ Dr. Liu เกี่ยวกับรูปทรงของทีวี ไฮเซ่นส์คิดค้นต้นแบบ Self-Rising Screen Laser TV ขึนจากการพิจารณาสภาพแวดล้อมของบ้าน ไฮเซ่นส์เชื่อว่า รูปทรงหรือรูปแบบของโทรทัศน์ในอุดมคติสำหรับครอบครัว คือ ทีวีที่สามารถผนวกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบ้านทั้งหลังได้อย่างกลมกลืน และจะปรากฏให้เห็นเมื่อสมาชิกในบ้านต้องการเท่านั้น Self-Rising Laser TV จึงถือกำเนิดขึ้น โดยหน้าจอแบบ Rolling Screen สามารถม้วนเก็บได้ ขณะที่ยังคงประสิทธิภาพการรับชมสูงสุด

สำหรับการเปิดตัว TriChroma Laser TV ขนาด 75 นิ้ว และ 100 นิ้ว ถือเป็นความก้าวล้ำในแง่ของเทคโนโลยีสี โดยเทคโนโลยี TriChroma ทำให้การแสดงสีของเลเซอร์ทีวีก้าวข้ามทุกสีที่มีอยู่ในธรรมชาติ โดยให้ภาพสีสวยสดสมจริงอย่างน่าทึ่งในอัตราสูงถึง 90% ของสีที่ตาของมนุษย์สามารถจดจำได้ เลเซอร์ทีวีเป็นผลิตภัณฑ์จอแสดงผลเพียงหนึ่งเดียวที่สอดคล้องกับมาตรฐาน BT2020 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านสีสำหรับทีวีในอนาคต นอกจากนี้ ภายในงานมหกรรมครั้งนี้ Dolby จะสาธิตเทคโนโลยี Dolby Vision บน TriChroma Laser TV เป็นครั้งแรกอีกด้วย
 
ในส่วนของนวัตกรรมเสียงนั้น ไฮเซ่นส์มีความเห็นว่า เทคโนโลยีเปล่งเสียงผ่านหน้าจอ (screen-sound) ทำให้เสียงและภาพผสานกลมกลืนกันอย่างแท้จริง และด้วยเหตุนี้ ไฮเซ่นส์จึงได้บุกเบิกเทคโนโลยีการเปล่งเสียงสำหรับหน้าจอแบบ Cellular Bionic เทคโนโลยีนี้ทำให้การวางตำแหน่งของเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น และทำให้กระจายเสียงไปได้ไกลกว่า ทั้งยังให้เสียงที่ละเอียดมากขึ้นอีกด้วย

 
"ไฮเซ่นส์เชื่ออย่างยิ่งว่า จอเลเซอร์จะครองตลาดในอนาคต" Dr. Lin Lan กล่าวสุนทรพจน์ โดยนับตั้งแต่เปิดตัวเลเซอร์ทีวีที่งาน CES เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2015 ไฮเซ่นส์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มขนาดจาก 75 นิ้ว เป็น 150 นิ้ว ขณะที่คุณภาพของภาพได้รับการยกระดับจากเทคโนโลยีแหล่งกําเนิดแสงสีเดียว (monochromatic light source) กลายมาเป็นแสดงผลครบทุกสี (full-color) นอกจากนี้ Dr. Lin ยังระบุด้วยว่า จากการเข้าซื้อธุรกิจทีวีของโตชิบา ไฮเซ่นส์จึงตั้งเป้ายอดขายทีวีต่อปีที่ 40 ล้านเครื่อง เพื่อก้าวขึ้นเป็นอันดับสองของโลก

ด้วยประสิทธิภาพในการปกป้องสายตาจากจอภาพขนาดใหญ่และการแสดงออกของสี ผลิตภัณฑ์เลเซอร์ทีวีของไฮเซ่นส์จึงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ข้อมูลสถิติจาก CMM เผยให้เห็นว่า ในปี 2019 ยอดขายเลเซอร์ทีวีในตลาดทีวีสีของจีน เพิ่มขึ้น 107% ซึ่งถือเป็นประเภททีวีที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เลเซอร์ทีวีของไฮเซ่นส์ได้รับความนิยมในตลาดอเมริกาเหนือเช่นกัน โดยครองตลาดทีวีจอใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

9 ข้อคิดจากหนังสือ แล้วสักวันเมล็ดพันธุ์อย่างฉันจะงดงาม | เปลี่ยนชีวิตด้วยมุมมองง่าย ๆ

ชีวิตไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์ในทันที เพียงแค่เราค่อยๆ เติมเต็มชิ้นส่วนเล็กๆ ทุกวัน ในที่สุดภาพใหญ่ก็จะงดงามเอง 🌈🧩 หนังสือ #ขอบคุณทุกๆสิ่งที่ประกอบเป็นตัวเรา

ข้อคิดดีๆ จากหนังสือ #โค้ชแมวสอนไว้ทำอย่างไรให้เป็นนายของเงิน #รีวิวหนังสือ #แนะนำหนังสือ

วิธีเช็คยอดคงเหลือซิม My by CAT

“การนอกใจเป็นเจตนา ไม่ใช่อุบัติเหตุ” คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคนเราถึงนอกใจกัน? หรือทำไมบางคนถึงเลือกที่จะทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่เจ็บปวด? จากหนังสือเล่มนี้มีข้อคิดดีๆ ที่น่าสนใจมาฝากครับ 💔 ทำไมถึงยังทน? หลายครั้งที่คนเราไม่ยอมเดินออกมา ไม่ใช่ไม่รักตัวเอง แต่เป็นเพราะความกลัว, ความผูกพัน, ภาระทางการเงิน, ลูก หรืออาจจะกำลังหลอกตัวเองว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ปัญหาเหล่านี้ซับซ้อนและต้องใช้ความเข้มแข็งอย่างมากในการตัดสินใจ 🧠 เบื้องหลังพฤติกรรมนอกใจ ในบางกรณี การนอกใจอาจเป็นผลมาจากสภาวะทางจิตใจ เช่น โรคหลงตัวเอง (Narcissistic Personality Disorder - NPD) ที่ทำให้คนคนนั้นขาดความเห็นอกเห็นใจ ต้องการการยอมรับ และเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น ✨ คุณค่าของคุณไม่ได้ลดลงเพราะการกระทำของเขา สิ่งสำคัญที่สุดที่หนังสือเน้นย้ำคือ การนอกใจเป็นการตัดสินใจของอีกฝ่าย ไม่ได้แปลว่าคุณค่าในตัวคุณลดน้อยลง การที่เขาเลือกคนอื่น ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ดีพอ แต่สะท้อนถึงปัญหาในตัวของเขาเอง 🚶‍♀️ ทางออกที่ดีที่สุด คือการเดินออกมาเพื่อรักตัวเอง สำหรับคน “ที่เติบโตมาอย่างดีและตระหนักรู้ว่าตนเองมีค่ามีศักดิ์ศรี จะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายจิตใจ” การเดินออกจากความสัมพันธ์ที่ทำร้ายเรา ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการเลือกที่จะให้เกียรติและเคารพคุณค่าของตัวเอง การจบความสัมพันธ์ที่เจ็บปวด คือการเปิดประตูสู่ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าและมีความสุขกว่าเดิมครับ จากหนังสือ | ใครรู้ทัน คนนั้นรอด #ข้อคิดความรัก #จิตวิทยาความสัมพันธ์ #นอกใจ #รักตัวเอง #ความสัมพันธ์ #ให้กำลังใจ

📖 9 ข้อคิด จากหนังสือ | คลินิกหิ่งห้อย พร้อมให้คำปรึกษาทุกปัญหาชีวิต 1. ความหิวที่แท้จริง อาจไม่ใช่ความหิวของกระเพาะ แต่เป็นความหิวของหัวใจ - หลายครั้งเรากินเพื่อปลอบประโลมความรู้สึกว่างเปล่า ความเหงา หรือความเครียด 2. ความเหนื่อยล้าที่ไม่หายไป คือสัญญาณเตือนจากร่างกาย - เพราะมันคือเสียงกระซิบเตือนว่าเรากำลังใช้พลังงานชีวิตเกินขีดจำกัด ไม่ว่าจะจากการทำงานหนัก ความเครียด หรือไลฟ์สไตล์ที่ไม่สมดุล 3. ยิ่งพยายามจะหลับ สมองก็จะยิ่งตื่นตัว - เพราะการนอนหลับที่ดีเกิดจากการ ”ผ่อนคลาย“ ไม่ใช่การ ”บังคับ“ การปล่อยวางความกังวลว่าจะต้องหลับให้ได้ คือก้าวแรกของการนอนหลับฝันดี 4. ท้องไส้ที่ปั่นป่วน คือภาพสะท้อนของจิตใจที่วุ่นวาย - เพราะร่างกายและจิตใจเชื่อมโยงกันโดยตรง ความเครียดที่เราแบกรับไว้มักแสดงอาการออกมาผ่านระบบย่อยอาหารเป็นอันดับแรกๆ 5. ผลตรวจ ”ปกติ“ ไม่ได้แปลว่าความทุกข์ทรมานของเรา ”ไม่จริง“ - เพราะหลายความเจ็บป่วย เช่น ลำไส้แปรปรวน หรือความอ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยเครื่องมือ แต่ความทุกข์นั้นเกิดขึ้นจริงกับผู้ป่วย 6. ”แรงงานทางอารมณ์“ คือต้นทุนสุขภาพที่มองไม่เห็น แต่ร่างกายต้องจ่ายจริง - การต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงและแสดงออกแต่รอยยิ้มเพื่อการทำงาน คือความเครียดสะสมที่บั่นทอนสุขภาพร่างกายอย่างช้าๆ 7. ระวัง ”วงจรอุบาทว์ของการสั่งยา“ - คือสถานการณ์ที่ผลข้างเคียงของยาตัวที่หนึ่ง ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคใหม่ จนแพทย์สั่งยาตัวที่สองมารักษา กลายเป็นวงจรการใช้ยาที่ไม่จำเป็นและอันตราย 8. นอนน้อยแล้ว ”ง่วง“ คือพักผ่อนไม่พอ, นอนน้อยแล้ว ”ไม่ง่วง“ คือสัญญาณของโรคนอนไม่หลับ - คนที่พักผ่อนไม่พอจะโหยหาการนอนในตอนกลางวัน แต่ผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับมักจะตื่นตัวแม้จะนอนน้อย ซึ่งเป็นปัญหาที่ซับซ้อนกว่า 9. การไดเอทที่หักโหม คือสงครามกับร่างกายที่ไม่มีวันชนะ - ร่างกายจะต่อต้านการอดอาหารสุดขีดเสมอ และสุดท้ายน้ำหนักก็จะดีดกลับมามากกว่าเดิม ผู้เขียน : โอซึงว็อน ผู้แปล : นภัสสร วิรัชศิลป์ สำนักพิมพ์ : nami